เชื่อว่าเป็น iPod ที่หลายคนกำลังเล็งอยู่ว่าจะเวิร์คมากน้อยแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นความเร็วความแรง หรือ FaceTime ที่จะช่วยให้ลดค่าโทรศัพท์ได้จริงหรือไม่ รีวิวนี้มีคำตอบสำหรับทุกคำถามแล้ว
iPod touch 4G ว่าไปด้านสรีระถือว่าเปลี่ยนไปจากเดิมไม่มากนัก โดยถ้าดูด้านหน้าก็จะมีกล้องถ่ายรูปที่อยู่เหนือหน้าจอเป็นจุดเล็ก ๆ ด้านบนมีปุ่ม Power/Sleep อยู่ทางด้านขวา ด้านซ้ายของตัวเครื่องมีปุ่มปรับระดับเสียงอยู่หลบเข้าไปด้านในเล็กน้อย ส่วนด้านหลังมีกล้องถ่ายรูปอยู่ด้านมุมบนซ้ายใกล้ ๆ กันมีไมโครโฟนอยู่ด้วยถือว่าเป็นจุดรับเสียงเพียงหนึ่งเดียวบนตัวเครื่อง โดยในส่วนของพลาสติกดำ ๆ ที่เคยมีมาทุกรุ่น ซึ่งแอปเปิ้ลบอกว่าจะช่วยทำให้การรับสัญญาณ Wi-Fi ดีขึ้นนั้น พอมารุ่นนี้พลาสติกดำ ๆ ที่ว่าไม่มีแล้ว ทำให้ด้านหลังเครื่องแลดูสวยขึ้นเล็กน้อย สำหรับด้านท้ายเครื่องไล่จากซ้ายไปขวามีช่องลำโพง, ช่อง Dock Connector และช่องเสียบหูฟัง 3.5 ม.ม.โดยทุกช่องตำแหน่งจะอยู่เยื้องเข้าไปด้านหลังเล็กน้อย
โดยรวมสำหรับตัวเครื่องเรื่องหน้าตาไม่พัฒนาเท่าไหร่ เพราะหน้าตาก็ยังคงคล้าย ๆ เดิม แต่รุ่นนี้ได้ทำการนำพลาสติกสีดำที่ด้านหลังเครื่องออกไปทำให้ตัวเครื่องแลดูหล่อขึ้นมาทันทีเล็กน้อยถึงปานกลาง
ด้านการใชังาน (ในส่วนนี้จะขอเน้นฟีเจอร์ที่เพิ่มเข้ามาใหม่)
เร่ิมกันที่หน้าจอของ iPod touch 4G ที่เป็นแบบเดียวกับ iPhone 4 คือ Retina Display ความละเอียดหน้าจอ 960×640 พิกเซลซึ่งเป็นความละเอียด 2 เท่าจากหน้าจอรุ่นก่อน ๆ ทำให้การแสดงผลระดับพิกเซลบน iPod touch 4 มีความละเอียดมากขึ้นกว่าเดิม 4 เท่า ซึ่งจะเห็นได้ว่าจอคมชัดขึ้นมาก ๆ ชนิดที่ว่ามอง iPod touch 4G นาน ๆ แล้วไปมอง iPod touch รุ่นเก่าสามารถรู้สึกได้่เลยว่าทำไมจอรุ่นเก่าที่เคยชัดตอนนี้เร่ิมจะเบลอ ๆ ไม่ชัดเสียแล้ว เท่าที่สังเกตได้อีกอย่างสีดำของหน้าจอจะดำสนิทมากขึ้น โดยเมื่อนำทั้งสองเครื่องมาวางเทียบกับจะเห็นได้ว่า iPod touch 4G หน้าจอจะดำสนิทกว่าแบบเห็นได้ชัด
ซ้าย : iPod touch 2G / ขวา : iPod touch 4G
ซ้าย : iPod touch 2G / ขวา : iPod touch 4G
และแม้ชิ้นส่วนหน้าจอของ iPod touch 4G จะไม่ใช่ชนิด IPS เหมือนที่อยู่ใน iPhone 4 ซึ่งใครต่อใครก็บอกว่าสีสันบนหน้าจอของ iPod touch 4G สู้บน iPhone 4 ไม่ได้จากที่เห็นและได้ใช้เองสีบนหน้าจอของ iPod touch 4G จะติดอมเหลืองมากกว่าที่ผ่าน ๆ มาเล็กน้อย โดยเมื่อนำหน้าจอมาเทียบกันระหว่าง iPod touch 2G กับ iPod touch 4G จะเห็นได้ว่าสีบนหน้าจอของ iPod touch 4G จะติดอมเหลืองแบบเห็นได้ชัด ส่วนการแสดงผลที่บอกว่าสีเพี้ยนนั้น เอาจริง ๆ ก็คือการจับผิดชนิดที่ต้องเอียงหน้าจอในมุมกว้าง 150 ไปจนถึง 170 องศาถึงจะเห็นว่าหน้าจอสีไม่เท่ากันเช่นมองเสยจากล่างขึ้นบนหน้าจอเหมือนจะติดอมฟ้า พอมองจากด้านขวาหน้าจอเหมือนจะติดอมเหลือง ซึ่งในความเป็นจริงการใช้งานปกติเราคงไม่ได้เอียงเครื่องขนาดนั้นเพราะโดยปกติการใช้งานเราก็จะตั้งหน้าจอให้ขนานกับสายตาของเราอยู่แล้ว อานิสงค์ของหน้าจอคมกริบทำให้เวลาดูวิดีโอต่าง ๆ ที่เราใส่ลงไปภาพจะดูสวยขึ้นตามไปด้วย โดยในส่วนของวิดีโอ iPod touch 4G รองรับไฟล์วิดีโอได้ถึงขนาด 720p อีกด้วยด้านความแรง
สำหรับ iPod touch 4G ใช้ซีพียู A4 ความเร็ว 1GHz ตระกูลเดียวกับที่อยู่ใน iPad และ iPhone 4 ซึ่งการใช้งานไม่ต้องนำมาเทียบกับรุ่นเก่าก็รู้สึกได้ว่าเร็วและแรงกว่าเดิมเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการกดหรือจ้ิมใช้งานอะไรก็เร็วชนิดตามใจสั่ง โดยในการทดสอบผมลองเปิดหน้าเว็บ pantip.com ห้อง MBK เทียบกันระหว่าง iPod touch 2G กับ iPod touch 4G จาก Wi-Fi เดียวกัน พบว่า iPod touch 4G โหลดหน้าเว็บเสร็จเรียบร้อยจนหน้าจอดับไปเองแล้วสักพักใหญ่ ๆ iPod touch 2G ถึงจะโหลดหน้าเว็บเสร็จ
สำหรับการเปิดเล่นเกมหรือแแอพฯต่าง ๆ ด้วย iPod touch 4G สามารถเข้าแอพฯได้เร็วขึ้นมาก โดยหลาย ๆ เกมที่จะเสียเวลาในช่วงก่อนเข้าเกม เช่น ขึ้น Loading… พอเป็น iPod touch 4G ก็จะใช้เวลาสั้นลงอย่างเห็นได้ชัด
ถ่ายรูปนิ่งและวิดีโอ
ในส่วนของการถ่ายวิดีโอที่สามารถถ่ายได้ถึงระดับ HD (720p) เท่าที่ได้ทดสอบจัดว่าอยู่ในระดับที่ดีน่าพอใจ โดยเราได้ทดสอบบันทึกวิดีโอในช่วงเย็น ๆ ราว 17.00 น. ภาพที่ได้ถือว่าทำได้ดีกว่าที่คิด ผิดกับการถ่ายภาพนิ่งที่ผลลัพธ์ไม่น่าพอใจสักเท่าไหร่ ข้อด้อยของการถ่ายวิดีโอเท่าที่ได้ทดสอบก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการปรับแสงที่ยังทำได้ไม่เร็วเท่าไหร่ ทำให้ขณะถ่ายวิดีโอมีจังหวะที่แสงเพี้ยน ๆ ไปบ้างเล็กน้อย สำหรับการถ่ายวิดีโอตอนกลางคืนก็ได้ลองแล้วเช่นกัน โดยเราได้ลองถ่ายคลิปช่วงกลางคืนที่มีแสงไฟถนนยามค่ำคืนมาสั้น ๆ เท่าที่ดูรายละเอียดในภาพก็ยังถือว่าทำได้ดีพอประมาณแม้จะมีนอยซ์เยอะไปหน่อยก็ตาม
โดยรวมสำหรับการถ่ายรูปนิ่งและวิดีโอแบ่งครึ่งกันระหว่างดีในส่วนของการถ่ายวิดีัโอกับแย่ในส่วนของภาพนิ่งปน ๆ กันไป
**สำหรับตัวอย่างวิดีโอที่ถ่ายด้วย iPod touch 4G ที่อยู่ใน YouTube แนะนำให้เปิดชมแบบ 720p HD และขยายเต็มจอเพื่อให้ใกล้เคียงกับไฟล์ต้นฉบับมากที่สุด ซึ่งรายละเอียดต่าง ๆ ในไฟล์วิดีโอบน YouTube จะต่างกับไฟล์จริงอยู่บ้างเล็กน้อยราว ๆ 10 เปอร์เซ็นต์
FaceTime
ฟีเจอร์โดดเด่นที่ทำให้ iPod touch 4G เป็นที่พูดถึงว่าเป็น iPhone 4 ย่อม ๆ ก็คือ FaceTime หรือการสนทนาแบบวิดีโอผ่านทาง Wi-Fi ระหว่างคนที่ใช้ iPod touch 4G/iPhone 4 ด้วยกัน
สำหรับการใช้งาน FaceTime ใน iPod touch 4G จะใช้วิธีโทรออกด้วยอีเมลที่เราใช้เป็น Apple ID ซึ่งในตัวเครื่องก็จะมีส่วนของการลงทะเบียนว่าจะใช้ Apple ID เดิมหรือจะสมัครใหม่ก็ได้ เท่าที่พบปัญหาจากการลงทะเบียนในส่วนนี้พบว่าเจออาการคล้าย ๆ กันทั่วโลกคือใช้อีเมลเป็น Apple ID ลงทะเบียนไม่ผ่าน โดยผมลองทั้งสองอีเมลที่เป็น Apple ID ทำยังไงก็ไม่สามารถลงทะเบียนผ่าน สุดท้ายลองใช้อีเมลของ MobileMe ที่เป็นบริการของแอปเปิ้ลเอง แต่ผมไม่ได้ใช้เป็นอีเมลของ Apple ID ใดๆ ดันผ่านฉลุย โดยเรื่องนี้วิธีแก้ไขแบบแน่นอนเป็นแนวทางเดียวยังไม่มี เพราะในส่วนของฟอรั่มในเว็บแอปเปิ้ลบางคนก็แนะนำว่าให้รีสโตร์เครื่องบ้าง ให้เปลี่ยน Wi-Fi ที่ใช้บ้าง ให้ถอด Firewall ใน Router บ้าง ซึ่งหลาย ๆ วิธีที่ยกตัวอย่างรวมถึงวิธีอื่น ๆ ที่ไม่ได้เอ่ยถึงบางคนก็สามารถแก้ได้บางคนก็ไม่สามารถแก้ได้ ซึ่งก็สรุปได้กลาย ๆ ว่าปัญหานี้เป็นที่เซิฟเวอร์ของแอปเปิ้ลเอง
สำหรับปัญหาของการคุย FaceTime บน iPod touch 4G ก็คือเสียงจากลำโพงเบามาก แถมตัวไมโครโฟนของเครื่องก็ดันอยู่ด้านหลังทำให้การคุยแบบถือเครื่องเปล่า ๆ จะได้ยินเสียงสนทนาเบาพอควรแม้เปิดเสียงลำโพงดังสุดและปลายทางก็ได้ยินเสียงเราค่อนข้างเบาเนื่องจากไมโครโฟนอยู่ด้านหลังทำให้รับเสียงจากด้านหน้าได้น้องลง ซึ่งวิธีใช้งาน FaceTime ที่เวิร์คที่สุดสำหรับ iPod touch 4G คือใช้หูฟังที่มีไมโครโฟนมาให้ด้วยในตัว ซึ่งจะทำให้การสนทนาด้วย FaceTime สนุกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด (ในกล่องแอปเปิ้ลแถมหูฟังปกติที่ไม่มีไมค์มาให้)
ใช้ FaceTime แล้วช่วยลดค่าโทรศัพท์จริงหรือไม่
บังเอิญว่าช่วงที่ iPod touch 4G ออกใกล้เคียงกับการจำหน่าย iPhone 4 ในไทยมาก ฉะนั้นผมก็พยายามดึงรีวิวให้ล่าช้าเล็กน้อยเพื่อที่ต้องทดสอบเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ (ขอแก้ตัวชัดๆ)
เท่าที่ใช้ FaceTime กับเพื่อน ๆ ที่ซื้อ iPhone 4 มาใช้ พบว่าถ้าคุณเป็นประเภทอยู่บ้านหรืออยู่ในสถานที่ ๆ มี Wi-Fi ตลอดเวลาจะสะดวกเป็นอย่างมากและช่วยลดค่าโทรศัพท์ได้บ้างเล็กน้อย เพราะขึ้นอยู่กับว่ารอบตัวเรามีคนใช้ iPod touch 4G หรือ iPhone 4 มากน้อยแค่ไหน เพราะอย่างผมเองรอบตัวเปลี่ยนมาใช้ iPhone 4 กันเยอะ ฉะนั้นแทนที่ตอนค่ำ ๆ เวลากลับบ้านก็ไม่ต้องกดโทรศัพท์ปกติแล้ว กลายเป็นกด FaceTime แทนก็ช่วยประหยัดค่าโทรได้บ้างเฉลี่ย ๆ ก็วันละ 5 นาที ถ้าใช้บ่อย ๆ ทบหลาย ๆ วันเดือนนึงก็ช่วยประหยัดค่าโทรศัพท์ได้พอควร
แบตเตอรี่
ด้านแบตเตอรี่ของ iPod touch 4G เท่าที่ทดสอบถือว่าความอึดของแบตเตอรี่อยู่ในระดับกลาง เพราะด้วยความที่มีฟีเจอร์ต่าง ๆ เพิ่มเติมพอได้ใช้งานทั้งกล้องถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ เล่น FaceTime ฟังเพลงบ้าง เล่นอินเตอร์เน็ตบ้าง ตลอดวันพบว่าไม่เกิน 8 ชั่วโมงแบตเตอรี่ก็ขึ้นขีดแดงแล้ว ส่วนถ้าใช้งานแบบเล่นบ้างนิด ๆ หน่อย ๆ แบตเตอรี่สามารถรองรับการใช้งานได้วันกว่า ๆ แบบสบาย ๆ
สรุปสำหรับ iPod touch 4G ถือว่าเป็นรุ่นที่ทำออกมาได้ครบสมบรูณ์มาก ๆ ทั้งในเรื่องความประสิทธิภาพของตัวเครื่องที่ซีพียู A4 ทำหน้าที่ได้ดีจริง ๆ ส่วนฟีเจอร์ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอย่าง FaceTime ว่าไปก็เหมือนการคุย Video Chat บนเครื่องคอมพิวเตอร์ แต่แค่เราสามารถ Video Chat กับเพื่อน ๆ ที่ใช้ iPod touch 4G หรือ iPhone 4 ด้วยกันได้ทุกที่ ๆ มี Wi-Fi ส่วนเรื่องน่าติก็คงเป็นแบตเตอรี่ที่ทำได้ไม่ค่อยดี ยิ่งถ้าเทียบกับคีย์เวิร์ดของแอปเปิ้ลที่พยายามจะวาง iPod touch เป็นเครื่องเล่นเกมด้วยส่วนหนึ่ง ยิ่งรู้สึกได้เลยว่าแอปเปิ้ลควรใส่แบตเตอรี่ความจุสูงกว่านี้มาให้ iPod touch 4G เครื่องนี้
จุดสังเกต
-ประสิทธิภาพเยี่ยม
-อย่าหวังอะไรมากกับรูปถ่าย
-ถ่ายวิดีโอแบบ HD ได้ค่อนข้างดี
-แบตเตอรี่ไม่อึดมากนัก
สุดยอดเลยครับพี่
ตอบลบมีประโยชน์มากเลยครับ
ตอบลบผมอ่านหมดแล้ว ผมก็มี
ตอบลบผมก็ชอบ
ตอบลบอยากมีมั่งจัง
ตอบลบอัพเป็น ios 5.1 แบตอึดมากๆจริงนะ ^_^
ตอบลบ